"ตลอดปีที่ผ่านมานั้น บริษัทต่างๆ พากันเสาะหาผู้ให้บริการงานพิมพ์ที่สามารถนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะได้
เราใช้การพิมพ์ระบบดิจิทัลเพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์นี้" Oliver Lehbrink ประธานกรรมการบริหารของ Knappe + Lehbrink Promotion GmbH บริษัทที่ให้บริการงานพิมพ์ กล่าว
"การพิมพ์ออฟเซ็ตในสมัยก่อนนั้นต้องใช้เวลา 10-12 วันในการเตรียมงาน พิมพ์ และเคลือบลามิเนต แล้วรอให้ลามิเนตแห้ง
จากนั้นเราจึงจะสามารถจัดส่งให้ลูกค้าได้ เมื่อใช้การพิมพ์ระบบดิจิทัลขั้นตอนเดิมๆ
ส่วนใหญ่จึงไม่จำเป็นและเราลดเวลาผลิตและส่งมอบงานลงเหลือเพียง2-3 วันเท่านั้น" Lehbrink กล่าวในฐานะผู้เข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ของ HP
ในหัวข้อ "ข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์"
โดยเขาได้อธิบายว่า บริษัทของเขา ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพิมพ์และเชี่ยวชาญด้านงานบรรจุภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จสูงนั้น
กำลังปรับตัวให้สอดรับกับสภาวะการตลาดที่แปรผันนี้ได้อย่างไร

Lehbrink ยังได้รายงานถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ร่วมกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ส่วนใหญ่
แนวโน้มของงานบรรจุภัณฑ์แบบปรับแต่งที่ผลิตในระยะสั้นนับเป็นกลุ่มที่เติบโตแล้วก่อนการระบาดใหญ่
และภาวะการล็อกดาวน์ก็เร่งให้แนวโน้มนี้โตเร็วขึ้น ผลการศึกษาล่าสุดพบว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ในยุโรปคาดว่าจะมีการเติบโตถึง 4.2%
ต่อปีตลอดช่วงหกปีข้างหน้า โดยการเติบโตส่วนใหญ่นั้นเกิดจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของงานพิมพ์แบบปรับแต่งและงานพิมพ์ระยะสั้น[1] เช่นเดียวกับ
Knappe + Lehbrink ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ทั่วทั้งยุโรปกำลังมองหาแนวทางในการตอบสนองอุปสงค์ที่ว่านี้

ตลาดอีคอมเมิร์ซในยุโรปเติบโตขึ้น 30% ในปี 2020 [2] ไม่ว่าจะเป็นเพราะการล็อกดาวน์ หรือเพียงเพราะต้องการหลีกเลี่ยงร้านค้าที่มีผู้คนพลุกพล่าน ผู้บริโภคต่างก็หันไปหาผู้ค้าออนไลน์ พฤติกรรมนี้ทำให้ลักษณะการตลาดและการขายของแบรนด์ต่างๆ เปลี่ยนไปด้วย

ในอดีต แบรนด์ต่างๆ จัดส่งสินค้าในปริมาณมากไปยังผู้ค้าปลีกที่มีร้านค้าแบบดั้งเดิม จากนั้น จึงใช้แคมเปญการตลาดแบบเจาะกลุ่มมวลชน เพื่อขายสินค้าคงคลังโดยมีกำไรและระยะเวลาทำงานที่กำหนดไว้เป็นตัวตั้ง แต่บัดนี้ อีคอมเมิร์ซช่วยให้พวกเขาสามารถเบนเข็มไปเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ จากนั้น จึงบรรจุและจัดส่งผลิตภัณฑ์ตามต้องการ โดยทำงานเหล่านี้เสร็จได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

เพื่อให้กลยุทธ์นี้ได้ผล แบรนด์ต่างๆ จึงต้องการบริษัท ซึ่งจัดหาบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตงานพิมพ์แบบปรับแต่งได้และจัดการงานพิมพ์ที่มีระยะเวลาทำงานสั้นๆ ได้ "ความเคลื่อนไหวของตลาดออนไลน์ได้ยกระดับเวทีแข่งขันของแบรนด์ต่างๆ ให้สูงยิ่งขึ้น" Paul Jenkins กรรมการผู้จัดการของ ThePackHub กล่าว "ทุกวิธีการที่นักช็อปใช้กับอีคอมเมิร์ซนั้นเอื้อประโยชน์ต่อแบรนด์ขนาดเล็ก โดยทำให้แบรนด์เหล่านี้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น พวกเขาสามารถทำอะไรทั้งในตลาดท้องถิ่นและต่างประเทศได้อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนในรอบ 5 หรือ 10 ปีที่ผ่านมา"

Oliver Lehbrink กล่าวอีกว่า "เราเลือกเครื่องพิมพ์ HP Latex R2000 Plus เพราะเราต้องการระบบที่ใช้หมึกพิมพ์สูตรน้ำ ซึ่งทำให้ไร้กลิ่นที่เกิดขึ้นจากการพิมพ์แบบยูวี และลูกค้าจำนวนมากของเราอยู่ในอุตสาหกรรมกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จึงไม่ยอมรับงานพิมพ์ที่มีกลิ่นดังกล่าว นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผลิตและส่งมอบงานได้รวดเร็วขึ้นอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว เราสามารถพิมพ์งานบนการ์ดบอร์ดได้โดยตรงโดยไม่ต้องเคลือบลามิเนตและไม่ต้องเสียเวลารอให้สารเคลือบนี้แห้ง แถมยังมีราคาถูกกว่าการพิมพ์แบบออฟเซ็ตมากนัก"

Lehbrink อธิบายถึงการรับมือของบริษัทกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น โดยบรรดาแบรนด์ต่างๆ ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการและใช้เวลาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาสั้นๆ และอุปสงค์นี้ก็ทำให้ต้องหันมาใช้การพิมพ์ระบบดิจิทัล ซึ่งเครื่องพิมพ์ HP Latex R2000 Plus ช่วยให้เขาตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้

เครื่องพิมพ์ HP Latex รุ่นที่ทันสมัยสำหรับงานด้านบรรจุภัณฑ์ เช่น เครื่องพิมพ์ HP Latex R2000 Plus รองรับความต้องการหลากหลายของตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพิมพ์เร็ว แห้งเร็ว ตกแต่งขั้นสุดท้ายเร็ว พิมพ์งานไร้กลิ่นด้วยหมึกพิมพ์สูตรน้ำ และใช้งานง่าย

นอกจากจะช่วยให้ทำงานระยะสั้น รวมทั้งผลิตและส่งมอบงานได้อย่างรวดเร็วแล้ว การเปลี่ยนไปใช้การพิมพ์ระบบดิจิทัลของ HP Latex ยังช่วยให้คุณผลิตงานมูลค่าสูงอย่างกล่องและดิสเพลย์แบบเฉพาะที่ใช้สีขาวที่มันวาวที่สุด [3] และสีสันที่สดใสที่สุด [4] ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการใช้หมึกพิมพ์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้สามารถพับและงอวัสดุที่พิมพ์ได้โดยที่ไม่ทำให้สีแตก ต่างจากเทคโนโลยีที่ใช้หมึกพิมพ์ยูวีที่ยังไม่อาจมอบคุณสมบัติที่ว่านี้ได้

"ทุกวันนี้ลูกค้าต้องความสามารถในการปรับแต่ง" Mattia Pinton จาก Tic Tac ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์จากอิตาลีกล่าว "นั่นหมายถึงการลดปริมาณ การเพิ่มคุณภาพ และการเปิดโอกาสให้ลูกค้าจัดการงานพิมพ์ซ้ำได้แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบกราฟิกหรือแม่พิมพ์ก็ตาม และการดำเนินการดังกล่าวเคยมีค่าใช้จ่ายที่สูงเอามากๆ ทุกวันนี้ เมื่อมีการพิมพ์และการตัดด้วยระบบดิจิทัล เรามีบริการให้ลูกค้าสั่งงานเป็นชุดเล็กๆ และสั่งซ้ำได้บ่อยครั้งด้วย"

"ด้วยเครื่องพิมพ์ HP Latex คุณจะสามารถตอบรับงานลูกค้าที่ต้องการให้งานพิมพ์เสร็จภายในระยะสั้น ผลิตและส่งมอบได้อย่างรวดเร็ว และสามารถปรับแต่งงานได้" [โฆษกของ HP] กล่าว "และคุณไม่จำเป็นต้องจ้างบุคคลภายนอกมาทำงานเหล่านี้ นั่นหมายถึงคุณจะรับงานได้มากขึ้น และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วยการดำเนินงานทั้งหมดภายในบริษัทเองได้โดยไม่สะดุด การขยายบริการงานพิมพ์ให้หลากหลายอย่างงานพิมพ์ที่ปรับแต่งได้และมีระยะเวลาทำงานสั้นๆ นั้นจะทำให้คุณสามารถปกป้องธุรกิจที่มีในปัจจุบัน และขยายไปสู่กลุ่มตลาดใหม่ที่กำลังเติบโตได้อีกด้วย"

1. https://www.mordorintelligence.com/industry-reports/europe-printed-packaging-market
2. https://internetretailing.net/international/international/european-ecommerce-revenues-jump-30-to-us465bn-in-2021-23016
3. สีขาวที่มันวาวที่สุดนั้นอ้างอิงจากการทดสอบภายในของ HP ในเดือนมกราคม 2018 เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ระบบ CMYK ของคู่แข่งชั้นนำภายใต้งบประมาณ 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงตามระดับความมันวาวที่มุม 60 องศาบนวัสดุแบบแผ่น (อะคริลิค) ทดสอบโดยใช้ Glossmeter BYK micro-TRI-gloss (20°, 60°, 85°) ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 2813 และ ASTM D523 ในด้านการวัดความมันวาว
4. สีสันที่สดใสที่สุดนั้นอ้างอิงจากการทดสอบภายในของ HP ในเดือนมกราคม 2018 เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ระบบ CMYK ของคู่แข่งชั้นนำภายใต้งบประมาณ 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการทดสอบในโหมดการพิมพ์คุณภาพสูงบนวัสดุแบบแผ่นแข็ง (อะคริลิคสีขาว 12 พาส 6 สี ที่ 120%) ทดสอบภายใน HP ด้วย HP GamutViewer, Alpha Shapes=50000